เชื่อว่าไม่นานมานี้ หลายๆ คนน่าจะได้เห็นเรื่องราวน่ารัก ชวนอมยิ้มผ่านบนหน้าไทม์ไลน์เฟซบุ๊กที่แชร์ต่อๆ กันมา จนสื่อหลักนำไปเสนอในที่สุด
นั่นก็คือเรื่องราวที่คุณครูจากโรงเรียนบ้านค้อปัญญานุสรณ์ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานีออกเกียรติบัตรแก่เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่แปลกคือเกียรติบัตรของเด็กแต่ละคนนั้น ชมเชยในความสามารถที่แตกต่างกันไป และไม่ใช่เพียงด้านวิชาการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทักษะนอกห้องเรียน อุปนิสัย ความมีน้ำใจต่างๆ เช่น มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งขนม ยางลบ ดินสอ มันนึ่งให้เพื่อนๆ
ดีเจน้อย เต้นเก่ง เสียงเพราะ ลายมือสวย ดูแลครอบครัวได้ดี รักครอบครัว รู้จักขอโทษเมื่อทำผิด (อันนี้ก็ดีมากๆ)
ไปจนถึงที่ความสามารถที่ทำให้สะดุดตาจนหลุดอมยิ้มออกมา คือ ขุดปูนาเก่ง

—–

             แน่นอนว่าการที่เด็กมีผลการเรียนที่ดี ได้เกรด 4.00 ขยันอ่านหนังสือสอบ ย่อมเป็นอะไรที่ดี การันตีเส้นทางการเรียน และอนาคตที่สดใสอยู่แล้ว และพี่ๆ ก็ขอชื่นชมความพยายามในจุดนี้นะคะ แต่ไม่ใช่ทุกคนหรอกค่ะ ที่จะเข้าใจสูตรเลขยากๆ บทร้อยกรองภาษาสวยๆ หรือสปีคอิงลิชได้คล่องปร๋อ ซึ่งนั่นก็ไม่ได้หมายความว่า อนาคตของพวกเขาจะมืดมนเช่นกัน
ถึงแม้ว่าหลักสูตรการศึกษาส่วนใหญ่ในไทย อาจจะไม่ได้มีวิชาทางเลือกหรือวิชาพื้นฐานที่จำเป็นในอนาคตอย่างขับรถ การบริหารจัดการเงิน หรือทางเลือกอื่นๆ ให้เรียนมากมายนัก แต่การส่งเสริมทักษะนอกห้องเรียน หรือพัฒนาการทางด้านอารมณ์ก็สำคัญไม่แพ้การส่งเสริม ให้ค่ากับเด็กเรียนดีเช่นกัน เพราะทุกวันนี้ หลักสูตรของเรามักผลิตนักเรียนที่เก่งออกมามากมาย
แล้วนักเรียนที่ดี มีความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ มีน้ำใจ มีทักษะการดำรงชีพ จะการันตีได้มากน้อยแค่ไหนว่ามีปีละกี่คน ถ้าปล่อยนักเรียนเข้าป่า เราจะรอดจากสถานการณ์แบบนั้นไหม
ซึ่งการเริ่มต้นเล็กๆ น้อยๆ ของโรงเรียนแห่งนี้ ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากๆ ยิ่งใครเคยเป็นเด็กหลังห้องคงเข้าใจเลยใช่ไหมคะว่าการเป็นเด็กที่ไม่ได้อยู่ในสปอตไลท์ ไม่ได้อยู่ในสายตาครู ไม่ได้โดดเด่นอะไร จนโตมากับความรู้สึกว่าเราเป็นนักเรียนที่ “งั้นๆ” แต่การมอบเกียรติบัตรครั้งนี้ ทำให้นักเรียนที่อาจจะเคยเป็นเด็กงั้นๆ ได้โดดเด่นขึ้นมา จากการที่เราพยายามมองหาข้อดี จุดเด่น ซึ่งมีในคนทุกๆ คนอยู่แล้ว ให้ออกมาฉายแสงมากขึ้น  เด็กที่ได้รับการชมเชยก็เกิดความดีใจ ภาคภูมิใจ ไม่น้อยอกน้อยใจว่าถ้าฉันเรียนไม่เก่ง เพื่อนนักเรียนด้วยกันเองก็จะเข้าใจในความหลากหลาย ซึ่งเป็นพื้นฐานการอยู่ร่วมกันในสังคม และเคารพในความสามารถของคนอื่น เพราะเด็กที่ได้ 4.00 อาจจะขุดปูนาได้ไม่เก่งเท่าน้องคนนี้ก็ได้ เหมือนเป็นกำลังใจเล็กๆ ให้เด็กพัฒนาทักษะนั้นๆ ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก จนอาจจะต่อยอดเป็นอาชีพในอนาคตได้
—–
             ไม่ว่าคนที่อ่านบทความนี้จะเป็นพ่อแม่ที่อยากให้ลูกเรียนเก่ง มีผลการเรียนที่ดี ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำ… ความคาดหวังพวกนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะมาจากความหวังดีของคนเป็นพ่อแม่ใช่ไหมคะ แต่อย่ากดดันจนหลงลืมว่า เราอยากให้ลูกโตขึ้นเป็นคนแบบไหน มีงานดีๆ มีเงินเดือนสูงๆ แต่ไม่มีเพื่อน หรือไม่แน่ใจว่าตอนนี้ตัวเองมีความสุขกับชีวิตไหม
แบบนั้นคงไม่ใช่ความสำเร็จในชีวิตเท่าไรนะคะ เพียงแค่ใส่ใจทั้งด้าน IQ, EQ เปิดใจดูในสิ่งที่ลูกสนใจ ถนัด พร้อมส่งเสริมต่อยอด และไม่ทำลายความฝัน เพราะอย่างน้อยๆ ทางที่เขาเลือกเองจะทำให้เขาไม่เสียใจที่ได้เลือกมัน และพร้อมรับกับทุกปัญหาที่จะเกิดขึ้น ส่วนน้องๆ คนไหนที่รู้สึกว่าตัวเองเรียนเท่าไรก็ไม่เข้าหัว ใจเย็นๆ อย่ากดดันตัวเองมากไปค่ะ เราอาจจะมีความสามารถด้านอื่นๆ ที่ไม่น้อยหน้าใคร  เช่นเดียวกับทุกอาชีพในโลกนี้ ที่มีความสำคัญ ความชำนาญ และความถนัดแตกต่างกันออกไป วิศวกรคงทำอาหารไม่เก่งเท่าแม่ครัว คุณหมอคงเล่นดนตรีไม่เก่งเท่านักดนตรี ทุกอาชีพล้วนสำคัญ และมีผลต่อระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งความสุขทางใจด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีอะไรการันตีเลยว่าเด็กที่เรียนไม่เก่งในวันนั้น จะไม่ได้ดีในวันหน้า
หรือถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ลองหาวิธีการเรียนที่ถนัด ครูที่ชอบ โค้ชที่ใช่ เพื่อจะได้เรียนแบบไม่ฝืนใจไปตลอดนะคะ และอย่าลืมว่าเราทุกคน มีดีในตัวเองเสมอ…เผลอๆ ถ้ามีแข่งขุดปูนาชิงเงินรางวัล น้องคนนั้นอาจจะได้ที่หนึ่งระดับประเทศก็ได้นะคะ:)

 

              เชื่อว่าไม่นานมานี้ หลายๆ คนน่าจะได้เห็นเรื่องราวน่ารัก ชวนอมยิ้มผ่านบนหน้าไทม์ไลน์เฟซบุ๊กที่แชร์ต่อๆ กันมา จนสื่อหลักนำไปเสนอในที่สุด
นั่นก็คือเรื่องราวที่คุณครูจากโรงเรียนบ้านค้อปัญญานุสรณ์ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานีออกเกียรติบัตรแก่เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่แปลกคือเกียรติบัตรของเด็กแต่ละคนนั้น ชมเชยในความสามารถที่แตกต่างกันไป และไม่ใช่เพียงด้านวิชาการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทักษะนอกห้องเรียน อุปนิสัย ความมีน้ำใจต่างๆ เช่น มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งขนม ยางลบ ดินสอ มันนึ่งให้เพื่อนๆ
ดีเจน้อย เต้นเก่ง เสียงเพราะ ลายมือสวย ดูแลครอบครัวได้ดี รักครอบครัว รู้จักขอโทษเมื่อทำผิด (อันนี้ก็ดีมากๆ)
ไปจนถึงที่ความสามารถที่ทำให้สะดุดตาจนหลุดอมยิ้มออกมา คือ ขุดปูนาเก่ง

—–

             แน่นอนว่าการที่เด็กมีผลการเรียนที่ดี ได้เกรด 4.00 ขยันอ่านหนังสือสอบ ย่อมเป็นอะไรที่ดี การันตีเส้นทางการเรียน และอนาคตที่สดใสอยู่แล้ว และพี่ๆ ก็ขอชื่นชมความพยายามในจุดนี้นะคะ แต่ไม่ใช่ทุกคนหรอกค่ะ ที่จะเข้าใจสูตรเลขยากๆ บทร้อยกรองภาษาสวยๆ หรือสปีคอิงลิชได้คล่องปร๋อ ซึ่งนั่นก็ไม่ได้หมายความว่า อนาคตของพวกเขาจะมืดมนเช่นกัน
ถึงแม้ว่าหลักสูตรการศึกษาส่วนใหญ่ในไทย อาจจะไม่ได้มีวิชาทางเลือกหรือวิชาพื้นฐานที่จำเป็นในอนาคตอย่างขับรถ การบริหารจัดการเงิน หรือทางเลือกอื่นๆ ให้เรียนมากมายนัก แต่การส่งเสริมทักษะนอกห้องเรียน หรือพัฒนาการทางด้านอารมณ์ก็สำคัญไม่แพ้การส่งเสริม ให้ค่ากับเด็กเรียนดีเช่นกัน เพราะทุกวันนี้ หลักสูตรของเรามักผลิตนักเรียนที่เก่งออกมามากมาย
แล้วนักเรียนที่ดี มีความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ มีน้ำใจ มีทักษะการดำรงชีพ จะการันตีได้มากน้อยแค่ไหนว่ามีปีละกี่คน ถ้าปล่อยนักเรียนเข้าป่า เราจะรอดจากสถานการณ์แบบนั้นไหม
ซึ่งการเริ่มต้นเล็กๆ น้อยๆ ของโรงเรียนแห่งนี้ ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากๆ ยิ่งใครเคยเป็นเด็กหลังห้องคงเข้าใจเลยใช่ไหมคะว่าการเป็นเด็กที่ไม่ได้อยู่ในสปอตไลท์ ไม่ได้อยู่ในสายตาครู ไม่ได้โดดเด่นอะไร จนโตมากับความรู้สึกว่าเราเป็นนักเรียนที่ “งั้นๆ” แต่การมอบเกียรติบัตรครั้งนี้ ทำให้นักเรียนที่อาจจะเคยเป็นเด็กงั้นๆ ได้โดดเด่นขึ้นมา จากการที่เราพยายามมองหาข้อดี จุดเด่น ซึ่งมีในคนทุกๆ คนอยู่แล้ว ให้ออกมาฉายแสงมากขึ้น  เด็กที่ได้รับการชมเชยก็เกิดความดีใจ ภาคภูมิใจ ไม่น้อยอกน้อยใจว่าถ้าฉันเรียนไม่เก่ง เพื่อนนักเรียนด้วยกันเองก็จะเข้าใจในความหลากหลาย ซึ่งเป็นพื้นฐานการอยู่ร่วมกันในสังคม และเคารพในความสามารถของคนอื่น เพราะเด็กที่ได้ 4.00 อาจจะขุดปูนาได้ไม่เก่งเท่าน้องคนนี้ก็ได้ เหมือนเป็นกำลังใจเล็กๆ ให้เด็กพัฒนาทักษะนั้นๆ ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก จนอาจจะต่อยอดเป็นอาชีพในอนาคตได้
—–
             ไม่ว่าคนที่อ่านบทความนี้จะเป็นพ่อแม่ที่อยากให้ลูกเรียนเก่ง มีผลการเรียนที่ดี ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำ… ความคาดหวังพวกนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะมาจากความหวังดีของคนเป็นพ่อแม่ใช่ไหมคะ แต่อย่ากดดันจนหลงลืมว่า เราอยากให้ลูกโตขึ้นเป็นคนแบบไหน มีงานดีๆ มีเงินเดือนสูงๆ แต่ไม่มีเพื่อน หรือไม่แน่ใจว่าตอนนี้ตัวเองมีความสุขกับชีวิตไหม
แบบนั้นคงไม่ใช่ความสำเร็จในชีวิตเท่าไรนะคะ เพียงแค่ใส่ใจทั้งด้าน IQ, EQ เปิดใจดูในสิ่งที่ลูกสนใจ ถนัด พร้อมส่งเสริมต่อยอด และไม่ทำลายความฝัน เพราะอย่างน้อยๆ ทางที่เขาเลือกเองจะทำให้เขาไม่เสียใจที่ได้เลือกมัน และพร้อมรับกับทุกปัญหาที่จะเกิดขึ้น ส่วนน้องๆ คนไหนที่รู้สึกว่าตัวเองเรียนเท่าไรก็ไม่เข้าหัว ใจเย็นๆ อย่ากดดันตัวเองมากไปค่ะ เราอาจจะมีความสามารถด้านอื่นๆ ที่ไม่น้อยหน้าใคร  เช่นเดียวกับทุกอาชีพในโลกนี้ ที่มีความสำคัญ ความชำนาญ และความถนัดแตกต่างกันออกไป วิศวกรคงทำอาหารไม่เก่งเท่าแม่ครัว คุณหมอคงเล่นดนตรีไม่เก่งเท่านักดนตรี ทุกอาชีพล้วนสำคัญ และมีผลต่อระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งความสุขทางใจด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีอะไรการันตีเลยว่าเด็กที่เรียนไม่เก่งในวันนั้น จะไม่ได้ดีในวันหน้า
หรือถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ลองหาวิธีการเรียนที่ถนัด ครูที่ชอบ โค้ชที่ใช่ เพื่อจะได้เรียนแบบไม่ฝืนใจไปตลอดนะคะ และอย่าลืมว่าเราทุกคน มีดีในตัวเองเสมอ…เผลอๆ ถ้ามีแข่งขุดปูนาชิงเงินรางวัล น้องคนนั้นอาจจะได้ที่หนึ่งระดับประเทศก็ได้นะคะ:)