หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินคำว่า “ฉลาดลึกแต่โง่กว้าง”  แล้วเกิดการตั้งคำถามว่า มันต่างกันยังไงและแล้วรู้แบบไหน ถึงจะดีสำหรับการใช้ชีวิตให้มีคุณภาพ ก่อนอื่นต้องมาเข้าใจ ความหมายของคำว่า ฉลาดลึก กันก่อน คำๆ นี้ถ้าเปรียบเหมือนอาชีพก็สามารถเปรียบได้กับ นักวิชาการ ที่ร่ำเรียนวิชาในศาสตร์ต่างๆที่ จนแตกฉานความรู้บางคนเป็นนักวิชาการ หรือบางคน เป็นผู้สามารถคิดหรือประดิษฐ์นวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาใช้ในการบริหารจัดการ หรือคิดค้นเทคโนโลยีทีสามารถเปลี่ยน โลกได้  แต่ในด้าน business ความฉลาดลึกคือการที่เราเจาะเข้าถึง Niche market หรือตลาดเฉพาะกลุ่มของธุรกิจตัวเองโดยใช้ความเชี่ยวชาญในการทำงานเชิงลึก รู้จริงทำให้มีการสร้าง Brand positioning ได้อย่างชัดเจน  แต่ในขณะที่ ความหมายของคำว่า ฉลาดกว้าง คือ การมีความรู้รอบด้าน สามารถทำงานได้หลายอย่าง อาจจะไม่ใช่ผู้เชียวชาญงานวิเคราะห์เชิงลึกแต่มีความสามารถในการบริหารจัดการได้ดี หรือเปรียบง่ายๆ คือคล้ายที่เรียกว่า “เป็นเป็ด” นั่นเอง ซึ่งในยุค นี้ management และ communication skills เป็นสิ่งสำคัญ  เด็กหลายคนตั้งคำถามว่าแล้วรู้แบบไหนถึงจะดี คำตอบที่ดี คือ เด็กๆทุกคนควรเริ่มจากการเรียนในสิ่งที่ตนเองชอบเละสนใจก่อน โดยสิ่งนั้นจะต้องเพิ่มเติมการเรียนรู้ ผสมผสานความรู้ทั้งในเชิงกว้างและลึกเพื่อมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งสามารถนำความรู้เหล่านี้มาปรับใช้ในการทำงาน และการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้ เพราะการรู้กว้างทำให้เราคุยกับคนอื่นรู้เรื่อง รู้จักการอ่านเกมชีวิต การทำธุรกิจ เรียนรู้ความเป็นไปของสังคม เพราะมนุษย์จะต้องเรียนรู้การปรับตัวให้ทันสมัยอยู่เสมอเมื่อโลกหมุน เราหมุนตาม เทคโนโลยีเป็นตัวเร่งที่ทำให้โลกหมุนเร็วมากขึ้น การปรับตัวเกิดได้ทุกหย่อมหญ้ารวมถึง มหาวิทยาลัยต่างๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลายๆที่พยายามปรับหลักสูตรเพื่อสอนให้นิสิตนักศึกษามีความรู้ทั้งลึกและกว้าง ในเวลาเดียวกันเพื่อเน้นการทำงานได้จริงและมีคุณภาพรวมถึงการใช้ชีวิตให้รอดในสังคมที่ท้าทาย การแข่งขันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นการทำทุกอย่างด้วย Passion เป็นสิ่งสำคัญ  และการปลูกฝังทางด้าน soft skills อาจจะสำคัญยิ่งกว่าเมื่อเด็กเติบโตขึ้นเข้าสู่วัยทำงาน